- MORE BITS & PIECES ABOUT MACADAMIA NUTS -
DE LOEI
MACADAMIA NUTS | PHURUA VANODHAYAN
Grower & seller of Macadamia nuts since 1997
More bits & pieces about Macadamia Nuts
1. Macadamia nuts came from the southeastern region of Queensland. So we are natives of Australia. There are also Aboriginal names such as Gyndl, Jindilli and Boombera. But the Australians give Macadamia nuts many names in English. Sometimes they call macadamia nut. At other times, they call bush nut, maroochi nut and bauple nut. But the best name is of course “Queen of nuts.” There are also scientific names, if you're curious to know, are Macadamia integrifolia (smooth shelled) and Macadamia tetraphylla (rough shelled).
2. Allan Cunningham was the first European botanist who informed the world of Macadamia’s existence. However, Macadamia was named after John Macadam, a prominent scientist and dear friend of Baron Sir Ferdinand Jakob Heinrich von Mueller who first described Macadamia genus.
3. Macadamia husk is very thick and hard. They are the hardest shell among all the nuts and requires the pressure of up to 300 lbs per square inch to crack. No surprise most of nut weight goes to the husk and shell. So, 100 kgs. of nuts in husk will yield only 48 kgs. of nuts in shell and only 8 kgs. of kernels. People might complains about the weight of the nut husk and shell which takes away so much so that growers have to sell the nut at a higher price than the they would like to.
4. Macadamia is very easy to harvest. Just wait until they are mature enough to drop to the ground. The only exception is the O.C. variety, which does not fall from the tree when ripe and needs some shaking or a long pole to knock them down.
5. If you want to have a good yield, you should grow at least 2 varieties in the same plot. And if you keep bees in the orchard, it will help better pollination.
6. Lastly, just a small tip for dog lovers. Macadamia is toxic to dogs and can make them vomit, shiver, paralyze, unable to stand and depressed. How bad the symptoms are depends on the quantity ingested and the size of the dog. Usually, the symptoms occur within 12 hours of ingestion and full recovery within 24 to 48 hours after that.
Nut in husk 100 kg.
มะคาเปลือกเขียว 100 กก.
Nut in shell 48 kg.
ได้เนื้อในกะลา 48 กก.
Kernel 8 kg.
ได้เนื้อมะคาแค่ 8 กก.
เกร็ดเล็กๆ เกี่ยวกับแมคคาเดเมียนัท
1. ต้นตระกูลของแมคคาเดเมียอยู่แถวตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนแลนด์ มะคาจึงเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศออสเตรเลีย และมีชื่อภาษา
อะบอริจินด้วยว่า Gyndl, Jindilli และ Boombera แต่คนทั่วไปที่ประเทศออสเตรเลียจะเรียกมะคาว่า Bush nut บ้าง Maroochi nut บ้าง Bauple nut บ้าง แต่ที่ถูกใจที่สุดคือเขายกย่องให้มะคาเป็น Queen of nut ส่วนชื่อทางวิทยาศาสตร์นั้น คือ Macadamia integrifolia (เปลือกเรียบ) กับ Macadamia tetraphylla (เปลือกขรุขระ)
2. ชื่อแมคคาเดเมียนัทไม่ได้ตั้งตาม Allan Cunningham นักสำรวจและนักพฤกษศาสตร์ที่เป็นผู้ทำให้โลกรู้จักมะคากัน แล้วก็ไม่ได้ตั้งตาม Baron Sir Ferdinand Jakob Heinrich von Mueller ที่เป็นผู้จำแนกพันธุ์ด้วย แต่ตั้งให้เป็นเกียรติแก่ Dr. John Macadam ผู้เป็นเพื่อนรักและนักเคมีคนสำคัญของท่านบารอน
3. เปลือกของมะคาทั้งหนาทั้งแข็ง ว่ากันว่ากะลาของมะคาเป็นกะลาที่แข็งที่สุดในบรรดาถั่วทั้งหลาย ต้องใช้แรงกระแทกถึง 300 ปอนด์ต่อตารางนิ้วถึงจะแตก เมื่อเปลือกทั้งแข็งทั้งหนา ก็ไม่น่าแปลกใจว่าน้ำหนักของมะคามันจะไปอยู่ที่เปลือกซะหมด เวลาเอามะคา 100 กิโลไปตีเอาเปลือกเขียวออก จะเหลือเนื้อในกะลาสีน้ำตาลแค่ 46 - 48 กิโล แถมพอกะเทาะกะลาและตัดที่เสียออกอีก 20% แล้ว จะเหลือเนื้อในแค่ประมาณ 8 กก. เท่านั้นเอง เขาบอกกันว่าอ้วนซะเปล่า ตัวจริงผอมแห้งแรงน้อยนิดเดียว ทำให้ชาวสวนต้องขายมะคาแพงกว่าที่เขาอยากขาย
4. ผลของมะคาเก็บไม่ยาก แค่รอให้ผลแก่ มะคาก็จะร่วงลงพื้นให้มาตามเก็บได้ง่ายๆ ยกเว้นพันธุ์ O.C. พวกนี้จะมีขั้วเหนียว ก็เลยต้องช่วยกันตีต้นหรือเขย่าให้ผลแก่ร่วงก่อน ถึงจะเก็บได้
5. ถ้าอยากปลูกมะคาให้ได้ผลผลิตดี ควรมีอย่างน้อย 2 พันธุ์ขึ้นไปในแปลงเดียวกัน และถ้ามีการเลี้ยงผึ้งในสวนด้วย ก็จะทำให้การผสมเกสรดีขึ้น
6. สุดท้ายเป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ สำหรับผู้รักน้องหมา ไม่ควรให้น้องหมากินแมคคาเดเมียเพราะอาจทำให้เขาอาเจียน ยืนไม่อยู่ ตัวสั่น อัมพาตและซึมเศร้าได้ ส่วนจะเป็นมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่กินเข้าไปและน้ำหนักตัวของเขา ปกติ อาการนี้จะเกิดขึ้นภายใน 12 ชม. หลังจากที่กินเข้าไป น้องหมาจะไม่ถึงตายแต่ก็ไม่สนุกแน่ๆ สำหรับเจ้าของ สำหรับการแก้ไข ก็ให้แก้ตามอาการไปเรื่อยๆ แต่วางใจได้ว่าน้องหมาจะกลับหายเองใน 24 - 48 ชม.